การอ่อนค่าของเงินเยนกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าภาคการผลิตของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าส่งออก เมื่อต้นทุนการผลิตในประเทศที่ถูกลง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ดึงดูดให้ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศหันมาตั้งฐานผลิตในแดนอาทิตย์อุทัยมากขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์จากค่าเงินและต้นทุนแรงงานที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Cosmax บริษัทรับจ้างผลิตเครื่องสำอางจากเกาหลีใต้ ที่จ่อสร้างโรงงานแห่งแรกในญี่ปุ่นภายในปี 2025 เพื่อป้อนสินค้าให้ลูกค้าในประเทศ รวมถึงส่งออกไปจีนและตลาดตะวันตก โดย Jason Eo ซีอีโอ Cosmax ประจำญี่ปุ่น ระบุว่าค่าเงินเยนอ่อนเป็นแรงหนุนการส่งออก และเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจย้ายฐานผลิตหลักจากจีนและเกาหลีใต้มายังญี่ปุ่น
การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตครั้งนี้ถือเป็นการกลับทิศจากเมื่อทศวรรษ 1990 ที่ค่าเงินเยนแข็งจนผู้ผลิตญี่ปุ่นต้องย้ายฐานไปตั้งในต่างแดน ขณะที่วันนี้ “Cheap Japan” หรือญี่ปุ่นราคาถูก ได้กลายเป็นคำเรียกขานที่สะท้อนถึงความสามารถในการซื้อที่ลดลง แต่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นบางส่วนก็พยายามใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปนี้ อาทิ JVCKenwood ผู้ผลิตระบบไร้สายอันดับ 3 ของโลก ที่ย้ายกำลังการผลิตทั้งหมดจากสหรัฐฯ กลับมาผลิตและส่งออกจากญี่ปุ่น หรือ Iris Ohyama ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เริ่มบรรจุข้าวเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ และไทย โดยอาศัยกระแสความนิยมอาหารญี่ปุ่นที่มาแรงทั่วโลก
นอกจากภาคการผลิตแล้ว ธุรกิจบริการก็ได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินเยนเช่นกัน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่เริ่มคึกคักอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่ออุปสงค์ในประเทศ เนื่องจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะบันทึกเป็นรายได้จากการส่งออก ตัวอย่างเช่น โรงแรมอิมพีเรียลโตเกียว ที่ปรับขึ้นค่าจ้างพนักงานเฉลี่ย 7% และราคาห้องพักบางส่วนในปีนี้ เพื่อรองรับอุปสงค์ที่พุ่งสูงขึ้น
References :