กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลซึ่งบ่งชี้ว่า การส่งออกของญี่ปุ่น ในเดือนตุลาคมขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบรายปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.2%
โดยยอดส่งออกของญี่ปุ่นอยู่ที่ 9.14 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท) ขณะที่การนำเข้าอยู่ที่ 9.8 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท) ซึ่งยอดนำเข้า-ส่งออกดังกล่าวส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าที่ 6.6 แสนล้านเยน (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท)
ด้านการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ประเทศจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนั้นลดลง 4.0% เมื่อเทียบรายปี และเป็นการลดลงติดต่อกันกว่า 11 เดือน ขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 8.4% เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฮบริด รวมถึงเครื่องจักรและการก่อสร้างช่วยผลักดันมูลค่าของการส่งออกให้สูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ข้อมูลการค้าในเดือนตุลาคมนี้ เกิดขึ้นหลังจากการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GPD) เบื้องต้นสำหรับไตรมาสเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซาทั้งการบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนภาคธุรกิจ ดังนั้น อุปสงค์จากภายนอกจึงมีความสำคัญมากขึ้น สำหรับเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่างญี่ปุ่น
References :