วิกฤตขาดแคลนชิป เซมิคอนดักเตอร์ เริ่มส่งสัญญาณเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งดูแล้วยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย แม้ผู้ผลิตจะพยายามเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการแล้วก็ตาม ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มเข้าแข่งขันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่งในตลาด
ชิป เซมิคอนดักเตอร์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงเป็นส่วนประกอบของอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยหลายชิ้น
ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงความมั่นคงของชาติ ญี่ปุ่นตกลงผนึกกำลังกับสหรัฐอเมริกาภายใต้ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างภาครัฐและเอกชน เตรียมเปิดฐานการผลิตชิป เซมิคอนดักเตอร์ขนาด 2 นาโนเมตรภายในประเทศอย่างเร็วที่สุดในปี 2025 หวังช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด และลดการพึ่งพาไต้หวัน
ซึ่งบริษัทเอกชนจากทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันในลักษณะ R&D ร่วมวิจัยและพัฒนาทั้งการออกแบบและการผลิต โดยจะเริ่มวิจัยอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนมิถุนายนนี้ และวางแผนจัดตั้งศูนย์การวิจัยและการผลิตในระหว่างปี 2025-2027 ด้วยเงินสนับสนุนบางส่วนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่น
โดยมีบริษัทเอกชนที่คาดว่าจะเข้าร่วม ได้แก่ IBM, Intel และ Applied Materials จากสหรัฐอเมริกา ร่วมกับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง Canon, Tokyo Electron, Sumco และ Shin-Etsu Chemical
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทไต้หวันอย่าง TSMC ถือเป็นผู้นำตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ครองสัดส่วนเกิน 90% ของการผลิตชิปให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple Amazon และ Google
References :