เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 แม้กระทั่งในปัจจุบัน บางประเทศก็ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาที่หลายประเทศทั่วโลกยังต้องค้นหาหนทางรักษาและป้องกันต่อไป

แต่ความหวังครั้งใหม่อาจเกิดขึ้นแล้ว จากสิ่งมีชีวิตที่แสนน่ารักอย่าง “อัลปาก้า” โดยเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเกียวโต ร่วมกับองค์กรอื่นๆ ได้เปิดเผยงานวิจัยที่น่าสนใจอย่างมาก

เนื่องจากพวกเขาได้ค้นพบแอนติบอดี้ที่ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ในตัวอัลปาก้า ซึ่งอาจทำให้อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติในการต่อต้านเชื้อไวรัสนี้ อาจมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่แสนน่ารักอย่างอัลปาก้านั่นเอง

ความจริงคือสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ล้วนมีแอนติบอดี้ ซึ่งทำหน้าที่ในการเกาะติดไวรัส และแบคทีเรียที่ปะปนเข้ามาในร่างกาย เพื่อไม่ให้เข้าไปจับติดกับเซลล์ในร่างกายจนทำให้เกิดอาการป่วย

อย่างไรก็ตาม อัลปาก้า มีแอนติบอดี้ที่เล็กกว่าของมนุษย์มาก ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่า โปรตีนขนาดเล็กเหล่านี้ สามารถช่วยในการยึดเกาะเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ แอนติบอดี้ของอัลปาก้าน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าของมนุษย์หลายเท่าตัว

ด้วยการสกัดเอาแอนติบอดี้กว่า 20 ล้านชนิดจากเลือดของอัลปาก้า จากนั้นจึงนำไปทดสอบวัดค่าประสิทธิผลในการต่อต้านกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านกระบวนการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์

ทำให้เกิดการค้นพบรูปแบบจำลองถึง 6 แบบ ที่สามารถยึดเกาะไวรัสโควิด-19 ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้ง 2 ใน 6 แบบ ก็สามารถจับกุมไวรัสกลายพันธุ์ได้ดีกว่าอีกด้วย

ทั้งนี้ ยังเหลือสายพันธุ์ Omicron BA.5 สายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการทดสอบ แต่นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโตมีความเชื่อมั่นว่าแอนติบอดี้จากอัลปาก้าจะสามารถเกาะยึดเชื้อไวรัสได้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ Akifumi Takaori หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า กระบวนการต่อไปคือการนำแอนติบอกี้ของอัลปาก้าไปทดลองทางการแพทย์ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 1 – 2 ปี

น่าเสียดายที่ต้องรออีกสักหน่อยในการทดลองเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าแอนติบอดี้เหล่านี้สามารถเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ได้จริงๆ เชื่อว่าจะเป็นการรอคอยที่แสนคุ้มค่าอย่างแน่นอน


References :

Soranews

0 Shares:
You May Also Like