รัฐบาลญี่ปุ่น วางแผนที่จะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมกว่า 2 ล้านล้านเยน (ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท) ในแผนงบประมาณเสริมสำหรับปีงบประมาณ 2023 เพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ หวังทวงคืนความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้กลับคืนมาอีกครั้งหลังจากที่ซบเซามาหลายสิบปี
งบประมาณดังกล่าว คาดว่าจะถูกแบ่งเพื่อสนับสนุนทั้งการผลิตและการพัฒนาชิป (R&D) ซึ่งตามรายงานระบุว่าเงินส่วนใหญ่จะถูกนำไปสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตชิปอย่าง TSMC ซึ่งเป็นผู้นำในตลาด และ Rapidus สตาร์ทอัพของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่เงินประมาณ 5.7 แสนล้านเยน (ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท) จะถูกจัดสรรให้กับกองทุนแยกต่างหาก โดยมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มเสถียรภาพในการจัดหาชิปในประเทศ
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นว่าจะมอบเงิน 532 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท) สำหรับโครงการพัฒนาและผลิตชิปรุ่นต่อไปในประเทศ รวมถึงข้อตกลงกับ Rapidus เพื่อสร้างชิป 2 นาโนเมตรในญี่ปุ่นภายในปี 2025
ตามมาในเดือนมิถุนายน JSR ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นได้ยอมรับข้อเสนอซื้อขาดมูลค่า 9 แสนล้านเยน (ประมาณ 2 แสนล้านบาท) จาก รัฐบาลญี่ปุ่น ส่งผลให้ญี่ปุ่นสามารถควบคุมการผลิตสารไวแสง (Photoresist) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในกระบวนการสร้างลวดลายวงจรไฟฟ้าบนแผ่นวงจรพิมพ์ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Micron และ TSMC ยังได้ประกาศการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นด้วย โดย TMSC ประกาศว่าจะลงทุนประมาณ 7.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งที่สองในญี่ปุ่น
ขณะที่ Micron ประกาศแผนการลงทุนสูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำเทคโนโลยี Extreme ultraviolet lithography (EUV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ช่วยให้สามารถติดตั้งทรานซิสเตอร์บนชิปได้มากขึ้นมายังญี่ปุ่น
“สถานการณ์ความมั่นคงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีความตึงเครียดมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงได้รับความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น” เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นกล่าว
References :