Toyota และ BMW ได้ประกาศความร่วมมือเต็มรูปแบบในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฮโดรเจน (FCV) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2024 ท่ามกลางการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการทบทวนศักยภาพของเทคโนโลยี FCV

FCV มีข้อได้เปรียบเหนือ EV ในด้านระยะทางการวิ่งที่ไกลกว่าและเวลาเติมพลังงานที่สั้นกว่า แต่ยังมีอุปสรรคด้านราคารถยนต์ ราคาไฮโดรเจน และจำนวนสถานีเติมที่ยังไม่เพียงพอ

Toyota เปิดตัว FCV รุ่นแรกชื่อ “Mirai” ในปี ค.ศ. 2014 แต่ยอดขายยังไม่เป็นไปตามคาดหวัง โดยในปีงบประมาณ 2024 Toyota มียอดขาย FCV เพียง 4,000 คันจากยอดขายรวมทั่วโลก 10.3 ล้านคัน

ความร่วมมือครั้งนี้ริเริ่มโดย BMW ซึ่งเล็งเห็นศักยภาพของเทคโนโลยี FCV โดย Toyota จะเป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนสำคัญเกี่ยวกับไฮโดรเจนให้กับ BMW ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มจำนวนสถานีเติมไฮโดรเจน

สำหรับ Toyota การพัฒนา FCV เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Multi-pathway” ที่ครอบคลุมการพัฒนายานยนต์หลากหลายประเภท ทั้ง EV, PHV และ HV แม้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลายจะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล แต่ความสำเร็จใน FCV อาจช่วยให้ Toyota รักษาความเป็นผู้นำในเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ การพัฒนา FCV ยังมุ่งเน้นไปที่รถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดกลางและใหญ่ที่ต้องการวิ่งระยะไกล เนื่องจากมีความต้องการไฮโดรเจนในปริมาณมากและมีเส้นทางการวิ่งที่แน่นอน ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนสถานีเติมไฮโดรเจนทำได้ง่ายขึ้น

ความร่วมมือระหว่าง Toyota และ BMW ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี FCV และอาจส่งผลต่อทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต


0 Shares:
You May Also Like