ญี่ปุ่นซึ่งเผชิญกับภัยพิบัติจากฝนตกหนักบ่อยครั้ง กำลังยกระดับการบริหารจัดการเขื่อนเพื่อป้องกันอุทกภัย โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการตัดสินใจ “พร่องน้ำล่วงหน้า” ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่เริ่มใช้แพร่หลายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทางตะวันตกของญี่ปุ่นเมื่อ 7 ปีก่อน

การพร่อมน้ำล่วงหน้า คือการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนเพื่อเตรียมพื้นที่รองรับมวลน้ำขนาดใหญ่จากฝนที่คาดว่าจะตกหนัก อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง หากคาดการณ์ปริมาณฝนผิดพลาดและฝนตกน้อยกว่าที่คาด หรือที่เรียกว่า “ปล่อยน้ำเก้อ” (空振り) อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาคเกษตรกรรม การผลิตไฟฟ้า และเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำได้

เพื่อแก้ปัญหานี้ กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น จึงได้ริเริ่มโครงการนำร่องใช้ AI เข้ามาช่วยพยากรณ์ปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าเขื่อน โดยให้ AI เรียนรู้จากข้อมูลปริมาณน้ำฝนและสถิติน้ำไหลเข้าเขื่อนย้อนหลังกว่า 40 ปี ผลการทดสอบเบื้องต้นชี้ว่า AI สามารถพยากรณ์ได้แม่นยำกว่าโมเดลคาดการณ์แบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจุบันมีการทดลองใช้ระบบ AI นี้แล้วในเขื่อน 77 แห่งทั่วประเทศ นอกจากจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจพร่องน้ำแล้ว AI ยังช่วยลดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแม้มีบุคลากรจำกัด

อย่างไรก็ตาม AI ยังมีข้อจำกัดในการพยากรณ์เหตุการณ์ฝนตกหนักรุนแรงในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาและป้อนข้อมูลสถานการณ์จำลองเพิ่มเติมต่อไป โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะพัฒนาความแม่นยำของ AI ให้สูงขึ้นเพื่อนำไปสู่การใช้งานจริงในอนาคตอันใกล้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ


References :

NHK

0 Shares:
You May Also Like