กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) เปิดเผยว่าจะมอบเงินประมาณ 1.2 แสนล้านเยน (2.9 หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนบริษัท Toyota Motor ในการขยายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ล้ำสมัยในญี่ปุ่น หวังเพิ่มผลผลิตในประเทศและลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าว่าจะรับประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยการสนับสนุนการผลิตเทคโนโลยีที่สำคัญต่างๆ ในประเทศ อาทิ แบตเตอรี่และชิปเซมิคอนดักเตอร์
ซึ่ง METI ระบุว่า เงินสนับสนุนจากภาครัฐก้อนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ 1.276 แสนล้านเยน (ประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท) ที่จะมอบให้แก่โครงการต่างๆ รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ เพื่อพัฒนาและลงทุนในชิ้นส่วนแบตเตอรี่และวัสดุต่างๆ รวมถึงวัสดุที่มาจากบรรดาผู้ผลิตแบตเตอรี่ด้วย
ทั้งนี้ Toyota จะลงทุนราว 3.3 แสนล้านเยน (ประมาณ 8.1 หมื่นล้านบาท) เพื่อขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่ภายใต้บริษัท Prime Planet Energy & Solutions บริษัทร่วมทุนระหว่างโตโยต้ากับพานาโซนิค และจะเริ่มการผลิตแบตเตอรี่ภายใต้บริษัท Primearth EV Energy บริษัทที่ร่วมทุนกับพานาโซนิคอีกแห่งหนึ่ง เพื่อผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ
ขณะที่เงินสนับสนุนซึ่งจะได้รับจากรัฐบาล บริษัทจะนำไปลงทุนในการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟตแบบสองขั้ว (Bipolar LFP) เจเนอเรชั่นต่อไปที่มีระยะการใช้งานไกลขึ้น 20% และมีราคาต่ำกว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์อเนกประสงค์ bZ4X กว่า 40% โดยหวังจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2026 หรือ 2027 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ราคาต่ำกว่า
นอกจากโตโยต้าแล้ว ผู้ผลิตวัสดุแบตเตอรี่และส่วนประกอบหลายรายก็จะได้รับเงินสนับสนุนนี้เช่นกัน ซึ่งรวมเป็นเงินกว่า 1.3 แสนล้านเยน (ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท)
อนึ่ง Toyota ได้ตั้งเป้าวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 1.5 ล้านคัน ในปี 2026 และ 3.5 ล้านคัน ในปี 2030 โดยได้วางแผนการลงทุนจำนวน 5 ล้านล้านเยน (1.2 ล้านล้านบาท) ในด้านที่เกี่ยวข้อง ภายในปี 2030
References :