ในปัจจุบัน มอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ใช้แม่เหล็กนีโอไดเมียม (Neodymium Magnet) ซึ่งประกอบด้วยธาตุโลหะหายาก เช่น นีโอไดเมียม (Neodymium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) เทอร์เบียม (Terbium) และการพึ่งพาโลหะหายากเหล่านี้ ทำให้ราคาเกิดความผันผวนตามอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งสุดท้ายแล้วจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
Nissan จึงได้เริ่มพัฒนามอเตอร์แม่เหล็กรถยนต์ไฟฟ้าขึ้น โดยมอเตอร์แม่เหล็กชนิดนี้ทำจากเหล็กซาแมเรียม (Samarium-iron) โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำมอเตอร์แม่เหล็กที่พัฒนาขึ้นนี้มาใช้อย่างจริงจังภายในปีงบประมาณ 2030
มอเตอร์แม่เหล็กใหม่ที่ Nissan พัฒนาขึ้น เมื่อเทียบกับธาตุโลหะหายาก 3 ชนิดที่กล่าวข้างต้น ถือว่าเข้าถึงได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า จึงสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 30% แต่การพัฒนาแม่เหล็กนี้ยังมีความท้าทาย เพราะ Nissan ยังคงต้องพัฒนาให้มีขนาดใหญ่และสามารถผลิตในปริมาณมากขึ้น
Nissan จึงเร่งสร้างความสามารถทางการแข่งขันและมีแผนออกรถโมเดลใหม่มากขึ้นภายในปีงบประมาณ 2030 โดยตั้งเป้าประมาณ 40% เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน อย่าง BYD และ Nissan มองว่าการพัฒนาแม่เหล็กนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันในสมรภูมิอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่ร้อนแรงนี้
References :