7-Eleven เครือร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เล็งใช้ generative AI เพื่อวางแผนผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ของธุรกิจค้าปลีก หลังจากที่ผ่านมาเทคโนโลยีดังกล่าวมักถูกใช้เพื่อจำหน่ายสินค้าเป็นหลัก

โดย 7-Eleven ญี่ปุ่นระบุว่าตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2024 (ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม) บริษัทจะใช้ AI เพื่อสร้างข้อความและรูปภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยอิงจากการวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายในร้านและผลตอบรับของผู้บริโภคผ่านโซเชียลมีเดีย

ซึ่งคาดว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการวางแผนผลิตภัณฑ์แต่ละรายการจนเสร็จสิ้น จากสูงสุด 10 เดือนเหลือเพียงเดือนเดียว หรือลดได้มากถึง 90% และช่วยเรื่องการกระจายผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่และความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น

โดยบริษัทได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศบนระบบคลาวด์ และได้มีการติดตั้ง generative AI จากบริษัทต่างๆ เช่น OpenAI ของสหรัฐฯ, Google และ Stability AI ของสหราชอาณาจักร  โดยการประมวลผลจะอิงจากข้อมูลยอดขาย การผลิต และโซเชียลมีเดีย พร้อมคาดหวังว่า AI จะสามารถร่างข้อเสนอสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าปลีกทั่วโลกต่างก็ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น กล้องในร้านค้าที่สามารถสังเกตพฤติกรรมลูกค้า หรือการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะสุขภาพ ได้แก่ ความดันโลหิต แต่การนำ generative AI มาใช้เพื่อการวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็ถือเป็นก้าวใหม่

อนึ่ง Seven & i Holdings ซึ่งเป็นเจ้าของเซเว่น อีเลฟเว่นในญี่ปุ่น ได้ทำการตลาดผลิตภัณฑ์ประมาณ 3,400 รายการในปัจจุบัน ภายใต้ชื่อแบรนด์ Seven Premium ซึ่งการใช้ AI คาดว่าจะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์โดยรวมได้ เนื่องจากสามารถจับแนวโน้มและความต้องการของผู้บริโภคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


References :

NIKKEI ASIA

0 Shares:
You May Also Like