Subaru ตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่นเป็น 300,000 คันต่อปี ภายในปี 2030 โดยวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตในโรงงาน เพื่อให้ทันต่อเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

โดย Subaru ซึ่งยังไม่ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตนเองในขณะนี้ จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าควบคู่ไปกับรถเครื่องยนต์เบนซินในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 2020 ที่โรงงานที่มีอยู่ในจังหวัดกุนมะ ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว ขณะที่โรงงานสำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะคาดว่าจะสร้างขึ้นหลังปี 2027

ซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตรวมกันของโรงงานทั้งสองแห่งจะสูงถึง 300,000 คัน ขณะที่การลงทุนทั้งหมดของบริษัทในการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานไฟฟ้าในครั้งนี้ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านเยนเลยทีเดียว (ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท)

โดยหลังจากที่จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ของตนเองในญี่ปุ่นแล้ว Subaru ก็หวังที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาด้วย โดยนักวิเคราะห์มองว่าบริษัทอาจต้องร่วมมือกับผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง Toyota อีกครั้งในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ซูบารุได้เปิดตัว Solterra รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของบริษัทในปีที่แล้ว (ปี 2022) ซึ่งเป็นผลงานที่พัฒนาร่วมกับ Toyota Motor และได้โรงงานของโตโยต้าเป็นผู้ผลิตให้ในจังหวัดไอจิ แต่ยอดขายของ Solterra ค่อนข้างซบเซา ส่วนหนึ่งมาจากการเรียกคืนและราคาเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงที่ 5.94 ล้านเยน (ประมาณ 1.49 ล้านบาท) โดยบริษัทจำหน่าย Solterra ได้เพียง 4,600 คันจนถึงเดือนมีนาคม 2023 ตามรายงานของบริษัทวิจัยยานยนต์ MarkLines

ดังนั้น บริษัทจึงหวังว่าการเพิ่มการผลิตตามแผนการที่วางไว้จะช่วยให้สามารถไล่ตามผู้ผลิตรถยนต์ขนาดกลางของญี่ปุ่นอย่าง Mitsubishi Motors, Nissan Motor และ Mazda Motor ซึ่งกำลังดำเนินการเพิ่มการผลิต EV ในประเทศได้ “บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำให้ EVs ในอนาคตสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น” ผู้บริหารของซูบารุกล่าว


References :

NIKKEI ASIA


You May Also Like :

0 Shares:
You May Also Like